อาลัย “บิลลี่” หลาน “ปู่คออี้” นักสู้แห่งแก่งกระจาน ถูกอุ้มฆ่ายัดถัง

อาลัย “บิลลี่” หลาน “ปู่คออี้” นักสู้แห่งแก่งกระจาน ถูกอุ้มฆ่ายัดถัง

บิลลี่ – จากกรณีวานนี้ (4 ก.ย.) DSI แถลงผลการตรวจกระดูกที่พบในถัง 200 ลิตร บริเวณใกล้สะพานเขื่อนแก่งกระจาน ยืนยันว่าเป็นของนายบิลลี่ หรือนายพอละจี รักจงเจริญ นักต่อสู้สิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงแห่งบ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน ร่วมต่อสู้เพื่อปกป้องที่ดินและทรัพย์สินของชาวบ้านในเขื่อนแก่งกระจาน ที่หายตัวไปเป็นปริศนาเมื่อปี 2557

นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Tuenjai Deetes ระบุว่า

“ข่าวที่ DSI พบหลักฐานกระดูกของ #บิลลี่ ผู้ถูกบังคับสูญหายเมื่อ 5 ปีก่อน ถูกเผาในถัง ทิ้งลงน้ำในเขตอุทยานแก่งกระจาน ทำให้สังคมมีความหวังว่าจะสาวไปถึงตัวผู้ทำผิดได้

บิลลี่ เป็นลูกของลูกชายของ “ปู่คออี้” ผู้นำจิตวิญญานของชาวกะเหรี่ยง บิลลี่พยายามจะสื่อสารเรื่องราวของชาวกะเหรี่ยงแห่งป่าแก่งกระจาน โดยหลายช่องทาง รวมทั้งผลิตสารคดี เพื่อให้สังคมเข้าใจว่า ปู่คออี้และลูกหลาน ชาวบางกลอยบน “ใจแผ่นดิน” จำนวน 30-40 ครอบครัว ถูกบังคับโดยเจ้าหน้าท่ีอุทยานฯ ให้อพยพลงมาจากบ้านเดิม ด้วยการเผาบ้านและยุ้งฉาง แล้วอุ้มปู่ใส่ ฮ. ลงมาอยู่ท่ีบ้านโป่งลึก ซึ่งห่างจากไกลบ้านใจแผ่นดิน ซึ่งเป็นบ้านเกิด

ปู่คออี้เคยพูดประโยคสะเทือนใจ ว่า น้ำนมหยดแรกของแม่ที่ปู่ได้ดูดกิน และก้าวแรกที่ปู่เดินคือที่บ้านใจแผ่นดิน ซึ่งปู่และเพื่อนบ้านมีพื้นที่ปลูกข้าวไร่ที่อุดมสมบูรณ์ ได้ปลูกไม้ยืนต้น คือทุเรียน หมาก มะขาม ฯลฯ เอาไว้กิน เป็นที่อยู่ที่ทำกินอันสงบสุขของปู่และลูกหลานผู้ใช้ชีวีตพอเพียง พึ่งพาธรรมชาติด้วยความเคารพในมิติทางจิตวิญาน

ในรอบ 5 ปีนี้ ดิฉันได้ไปบ้านบางกลอยล่าง (โป่งลึก) ไปดูสภาพความเป็นอยู่และที่ทำกินของชาวบ้านที่ถูกอพยพลงมาในช่วงแรกๆ เห็นว่าพื้นที่ทำกินที่จัดให้ชาวบ้านเป็นที่ไม่เหมาะสม จึงเพาะปลูกไม่ได้ผล ข้าวและอาหารขาดแคลน ขาวบ้านหลายคนหน้าตาซูบซีด เครือข่ายกะเหรี่ยงจึงจัดผ้าผ่าระดมทุนหาข้าวและอาหารมาช่วยเป็นประจำ ทุกๆ ครั้งจะไปกราบคารวะ สนทนาเรียนรู้ภูมิปัญญาอันเปี่ยมด้วยธรรมะกับปู่

ปู่พูดเสมอว่า อยากกลับไปอยู่ที่บ้านใจแผ่นดินการถูกอพยพลงมาที่บางกลอย ต้องมาพึ่งพา มาขอแบ่งพื้นที่ทำกินของคนที่เค้าอยู่เดิม อากาศก็ร้อน อยู่แล้วไม่สบาย

ได้เยี่ยมภรรยาของบิลลี่ คือมือนอ กับลูกทั้ง 5 คน ผู้สูญเสียสามีและพ่อไปโดยไม่มีร่องรอยให้สืบค้นได้ มือนอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ได้ปลูกฝังลูกทั้ง 5 คนให้อภัยต่อคนที่ทำร้ายพ่อลูก ให้กฎแห่งกรรมได้ทำหน้าที่ ลูกๆจึงทำใจได้

บิลลี่ได้ทำหน้าที่เป็นนักสื่อสารสังคม เพื่อปกป้องสิทธิชองคนท่ีอยู่กับป่า ชี้ให้เห็นว่าชาวกะเหรี่ยงที่อยู่กับป่าได้ทำหน้าที่อนุรักษ์ป่า และใช้ประโยชน์จากป่าอย่างสมดุลและยั่งยืน

ผืนป่าที่มีชาวกะเหรี่ยง หรือปกาเกอญอ ตั้งถิ่นฐานอยู่จึงมีความอุดมสมบูรณ์จนประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้ทั้งทางภาคเหนือและตะวันตก

ขอให้สังคมช่วยกันเป็นกำลังใจให้ DSI และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องสืบหาคนท่ีทำร้ายบิลลี่มาลงโทษได้โดยเร็วค่ะ

กรมอุตุฯทำชาวเน็ตฮา ลืมเอาสติกเกอร์ออกระหว่างไลฟ์สดรายงานพายุคาจิกิ

วันที่ 3 ก.ย. ทางเพจกรมอุตุนิยมวิทยาได้เผยแพร่ไลฟ์สดรายงานสถานการณ์พายุระดับ 3 (โซนร้อน) คาจิกิ ช่วงเวลา 12.15 น. ซึ่งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ดร.ภูเวียง ประคำมินทร์ เป็นผู้อธิบายหน้ากล้องไลฟ์ อธิบายถึงสถานการณ์อย่างละเอียด แต่ขณะที่กำลังพูดก็มีสติกเกอร์แบบต่างๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าของดร.ภูเวียง เช่น หมวกหุ่นยนต์ หนวดพ่อมด หน้าแมวพร้อมหิมะตก เป็นต้น

เหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ ทำให้ชาวเน็ตที่กำลังรับชมไลฟ์ต่างพากันอึ้งและอดขำไม่ได้ และมีการแสดงความคิดเห็นไปต่างๆ นานาว่าเกิดอะไรขึ้นกับไลฟ์ครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ทางแอดมินเพจของกรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกมาโพสต์ขออภัยในเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยระบุว่ามือไปโดนปุ่มเอฟเฟกต์ และไม่ได้ตั้งใจให้ออกมาแบบนี้

วันนี้ (3 ก.ย.) มีความคืบหน้ากรณีที่พระอาจารย์สง่า เจ้าอาวาสวัดประดู่ ต.เมืองฝาง จ.บุรีรัมย์ มอมยาข่มขืนเด็กหญิงอายุ 13 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นม.2 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลเดียวกัน โดยข่มขืนมาตั้งแต่ปี 2558 เรื่อยมาเป็นเวลา 5 ปีจนเด็กอายุ 18 ปี แต่เรื่องแดงเมื่อเด็กตั้งท้องได้ 5 เดือน

แม่เด็กได้เข้าแจ้งความเรื่องดังกล่าว โดยฝ่ายพระอาจารย์สง่าได้ขอจ่ายค่าเสียหายเป็นจำนวน 150,000 บาท และเก็บข้าวของจากวัดไปจำวัดที่อื่นแทน ทำให้ชาวพุทธหลายคนเกิดความเคลือบแคลงใจที่พระรูปดังกล่าวไม่โดนบทลงโทษ

ในเรื่องนี้ พ.ต.ท.สำราญ แสงรัมย์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สองห้อง อ.เมือง ระบุว่าตอนที่แม่เด็กมาแจ้งความกับตำรวจนั้น เด็กมีอายุเกินกว่า 18 แล้ว อีกทั้งแม่ยังเล่าเรื่องไม่หมดโดยเฉพาะเรื่องของการมอมยา โดยหลังมีการเจรจากัน พระอาจารย์สง่าก็ขอจ่ายเงินเยียวยา 150,000 บาทแลละแม่เด็กก็ยอมถอนแจ้งความ