พยาบาลสาวเผยนาทีระทึก สาวท้องแก่ต้องคลอดกลางบ้าน หลังติดน้ำท่วมหนัก

พยาบาลสาวเผยนาทีระทึก สาวท้องแก่ต้องคลอดกลางบ้าน หลังติดน้ำท่วมหนัก

วันนี้ (3 ก.ย.) มีรายงานว่าพยายาลสาวผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ชมพูนุช วงษ์จันลา ซึ่งประจำอยู่ที่อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์ช่วยทำคลอดกลางบ้าน เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมาช่วงเวลาประมาณ 06.30 น. หลังตนถูกขอให้ไปช่วยหญิงท้องแก่ปวดท้องคลอดลูก แต่ติดน้ำท่วมหนักไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้

พยาบาลสาวตัดสินใจเดินลุยน้ำท่วมไปดูอาการว่าที่คุณแม่ 

โดยได้รับข้อมูลว่าหญิงสาวรายนี้ปวดท้องมาตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. จึงน่าจะใกล้คลอดแล้ว โดยตนได้โทรศัพท์ขอคำแนะนำจากแพทย์ที่โรงพยาบาลพร้อมประสานกู้ชีพให้มาช่วยเหลือ จากนั้นไม่นานถุงน้ำคร่ำก็แตกและปากมดลูกเปิดออก 8 ซม.

พยาบาลสาวได้ดูแลอย่างใกล้ชิดจนเวลาประมาณ 08.30 น.ที่ปากมดลูกเปิดประมาณ 10 ซม. ได้ทำคลอดให้ด้วยวิธีธรรมชาติ และในที่สุดก็สามารถทำคลอดได้สำเร็จ โดยทารกเป็นเด็กหญิง ปลอดภัยดีทุกประการ ขณะที่เจ้าตัวระบุด้วยความตื่นเต้นว่า เป็นการทำคลอดธรรมชาติครั้งแรกในรอบ 12 ปี ของชีวิตการเป็นพยาบาล

หลักจากทำคลอดเสร็จ เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ได้เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือ และนำตัวทั้งแม่และเด็กส่งโรงพยาบาลบ้านไผ่เพื่อพักฟื้นและดูอาการ ขณะที่พยาบาลสาวก็ได้ขอบคุณทีมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบ้านไผ่ที่คอยช่วยประสานงานตลอดเวลาให้ตนทำคลอดได้อย่างมั่นใจในสถานการณ์ที่อุปกรณ์ไม่พร้อม ท่ามกลางน้ำที่ท่วมเต็มพื้นที่และการฟื้นฟูความรู้ของตัวเองขุดออกมาจนถึงที่สุด นอกจากนี้ พยาบาลสาวยังได้กล่าวขอบคุณ อาจารย์ทุกท่านจากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม (วศม.) เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้รู้ว่าไม่เคยลืมวิชาที่เรียนมา และขอบคุณชาวบ้านทุกคนที่ให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา

รวบสาวใช้ตัวแสบ ลักทรัพย์บ้านอดีตรมช.กลาโหม ก่อนหนีข้ามชายแดนไปพม่า จากกรณี บ้านของอดีตภรรยาพล.ต.สมบัติ รอดโพธิ์ทอง อดีตรมช.ว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตนายทหารจปร.7 กลุ่มยังเติร์กถูกลักทรัพย์เป็นเครื่องเพชรและทองรูปพรรณมูลค่าหลายล้านบาทเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยพบว่าสาวใช้ต้องสงสัยหายตัวไปในวันเดียวกัน ล่าสุด ตำรวจสามารถจับกุมตัวสาวใช้คนดังกล่าวคือ นางเรือน อายุ 19 ปี สัญชาติเมียนมา ได้แล้ว

โดยนางเรือนถูกจับกุมได้ที่ด่านตรวจกิ่งทัพยั้งแม่จัน หมู่ 5 ต.แม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ขณะพยายามหลบหนีข้ามชายแดนไปประเทศเมียนมา จากการตรวจค้นพบทรัพย์สินที่ลักมาจากบ้านหลังดังกล่าวหลายรายการภายในกระเป๋าเป้สีดำ ได้แก่ แหวนเพชร แหวนทับทิมล้อมเพชร เครื่องประดับสร้อยคอและเข็มกลัดห่อด้วยเสื้อสีเขียวที่ซ่อนอยู่ภายใน นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับอีกร่วม 10 รายการ ซุกซ่อนอยู่ในเสื้อชั้นในของนางเรือน อาทิ แหวนทับทิม ต่างหูฝังเพชร สร้อยข้อมือฝังเพชร เป็นต้น

นางเรือนรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 10 วัน มีชาวไทยใหญ่ชื่อ นางเก่ง ซึ่งเป็นนายหน้าจัดหางานได้พาตนมาทำงานที่บ้านหลังดังกล่าว โดยตนได้ใช้ชะแลงงัดประตูห้องนอนเข้าไปลักทรัพย์สินแล้วหลบหนีไปด้วยรถรับจ้างสาธารณะ ตนได้เปลี่ยนรถหลายครั้งจากกรุงเทพฯจนถึงเชียงราย จนกระทั่งรถโดยสารคันที่ตนนั่งมาถูกตรวจค้นและตนถูกจับกุมได้ที่ด่านตรวจ

โจรงัดบ้านลักเครื่องเพชร-ทอง อดีตภรรยาพล.ต.สมบัติ ได้ไปหลายล้าน ตำรวจคาดฝีมือแม่บ้าน

วันนี้ (3 ก.ย.) มีรายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าลักทรัพย์ในบ้านหรูซอยลาดพร้าว 96 กทม. เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยบ้านดังกล่าวคือ นางพัธธานา รอดโพธิ์ทอง อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของ พล.ต.สมบัติ รอดโพธิ์ทอง ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นรมช.ว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตนายทหารจปร.7 กลุ่มยังเติร์ก จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้ทรัพย์สินเป็นเครื่องเพชรและทองรูปพรรณรวมมูลค่าหลายล้านบาท

บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น มีรั้วรอบขอบชิด คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้บุกขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นสองและงัดประตูห้อง ก่อนจะรื้อค้นทรัพย์สินดังกล่าวไป โดยภายในบ้านมีผู้อยู่อาศัยจำนวน 4 คนเป็นเจ้าของบ้านหนึ่งคน และที่เหลือเป็นคนขับรถ คนงานชาย และแม่บ้าน

ระหว่างเกิดเหตุ เจ้าของบ้านได้ออกไปข้างนอกกับคนขับรถ ภายในบ้านเหลือเพียงแม่บ้านและคนงานชาย หลังจากที่เจ้าของบ้านกลับมาก็พบว่าห้องนอนถูกรื้อค้นจึงตั้งใจว่าจะลงมาสอบถามคนงานและแม่บ้าน แต่ปรากฏว่าแม่บ้านหายตัวไปและไม่กลับมาอีก

เจ้าของบ้านจึงได้แจ้งความกับสน.วังทองหลางไว้ โดยเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวแม่บ้านหญิงรายนี้มาสอบสวน โดยจากข้อมูลทราบว่าแม่บ้านคนดังกล่าวเริ่มทำงานที่บ้านนี้ได้เพียง 10 วันก่อนจะหายตัวไปในวันที่เกิดการลักทรัพย์

น้ำเน่าหาดบางเทาโผล่อีก ไหลลงชายหาด ส่งกลิ่งฟุ้งทั่วบริเวณ วันนี้ (11 พ.ค.62) จากกรณีมีผู้เผยแพร่ภาพและข้อความน้ำเสียภายในคลองบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ว่ามีสีดำและส่งกลิ่นเหม็นเป็นอย่างมาก และการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงของผู้สื่อข่าวพบว่า ภายในลำคลองดังกล่าว สภาพน้ำมีสีดำคล้ำและส่งกลิ่นเหม็นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่บริเวณชายหาดจนถึงสะพานข้ามระยะทางประมาณ 120 เมตร สอบถามชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าว ทราบว่า น้ำในบริเวณนี้มีสีดำและส่งกลิ่นเหม็นมาก ซึ่งเป็นลักษณะเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง แม้จะมีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาถาวร มีเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนของระบบบำบัดที่มีอยู่ก็ยังใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ